[รีวิว] Kingdom of the Planet of the Apes

หลังจากภาพยนตร์ “War for the Planet of the Apes” ฉายไปในปี 2017 เวลาก็ล่วงเลยมานานถึง 7 ปีกว่าจะมีภาคใหม่ในซีรีส์ ‘Kingdom of the Planet of the Apes‘ และเมื่อพิจารณาจากภาคแรกที่ออกฉายตั้งแต่ปี 1968 ทำให้ “Kingdom of the Planet of the Apes” กลายเป็นการฉลองครบรอบ 56 ปีของแฟรนไชส์ภาพยนตร์ไซไฟการเมืองเรื่องนี้ ไม่เพียงแต่ในเนื้อเรื่องที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้นและดราม่า ในงานฉายรอบกาล่ายังเกิดประเด็นร้อนเกี่ยวกับมุกคุกคามทางเพศที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักในโซเชียลมีเดีย

Kingdom of the Planet of the Apes (2024) อาณาจักรแห่งพิภพวานร

Kingdom of the Planet of the Apes

ฃหลังจากภาพยนตร์ “War for the Planet of the Apes” ฉายไปในปี 2017 เวลาก็ล่วงเลยมานานถึง 7 ปีกว่าจะมีภาคใหม่ในซีรีส์ ‘พิภพวานร’ และเมื่อพิจารณาจากภาคแรกที่ออกฉายตั้งแต่ปี 1968 ทำให้ “Kingdom of the Planet of the Apes” กลายเป็นการฉลองครบรอบ 56 ปีของแฟรนไชส์ภาพยนตร์ไซไฟการเมืองเรื่องนี้ ไม่เพียงแต่ในเนื้อเรื่องที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้นและดราม่า ในงานฉายรอบกาล่ายังเกิดประเด็นร้อนเกี่ยวกับมุกคุกคามทางเพศที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักในโซเชียลมีเดีย

เนื้อเรื่องจะพาผู้ชมเดินทางข้ามกาลเวลาไปอีก 300 ปีนับจากการแพร่ระบาดของไวรัสซีเมียน ซึ่งทำให้มนุษย์ไม่สามารถพูดได้ ในขณะเดียวกันวานรก็พัฒนาและรวมกลุ่มกันเป็นเผ่าต่าง ๆ เราจะได้รู้จักกับเผ่าอินทรีที่วานรเลี้ยงนกอินทรีและสั่งการได้โดยตรง ตัวละครหลักของเผ่านี้คือโนอา (รับบทโดย โอเวน ทีก) ที่หลังจากสูญเสียบิดาและเผ่าอินทรีจากการโจมตีของวานรกลุ่มที่สวมหน้ากาก เขาจำเป็นต้องออกเดินทางเพื่อนำครอบครัวกลับมา ระหว่างทางเขาพบกับรากา (ปีเตอร์ มาคอน) อุรังอุตังเฒ่าที่รวบรวมองค์ความรู้ของซีซาร์ ผู้นำของวานรในอดีต และเม (เฟรยา อัลลัน) มนุษย์หญิงสาว ทั้งสามต้องรวมตัวกันต่อสู้กับพร็อกซิมัส (เควิน ดูแรนด์) วานรเผด็จการที่ต้องการทำลายมนุษย์และตั้งตนเป็นผู้นำสูงสุด

แม้ว่าผู้กำกับเวส บอล ผู้สร้าง “The Maze Runner” จะวางแผนให้ภาพยนตร์นี้เป็น “Apocalypto” ฉบับวานร แต่เมื่อได้ดูจริง ๆ กลับพบว่าโครงเรื่องและฉากเปิดที่โชว์วิชวลเอฟเฟกต์นั้นใกล้เคียงกับ “Avatar” โดยเฉพาะเมื่อเล่าถึงสังคมเผ่าของวานรและพิธีกรรมต่าง ๆ ที่สอดแทรกเข้ามา แต่สิ่งที่ “Kingdom of the Planet of the Apes” ยังขาดไปเมื่อเทียบกับ “Apocalypto” และ “Avatar” ก็คือตัวบทภาพยนตร์ที่ไม่สามารถสร้างความผูกพันระหว่างตัวละครได้อย่างเต็มที่

ตัวละครมีการพัฒนาเพียงเล็กน้อย โนอาแสดงให้เห็นความสามารถในการปีนหน้าผาอย่างคล่องแคล่ว และความสัมพันธ์ระหว่างเขากับเพื่อนวานรอีกสองตัวก็น่าสนใจในช่วงเริ่มต้น เนื่องจากเป็นจุดเริ่มต้นของการสานต่อเรื่องราวของวานรอย่างเต็มที่โดยไม่จำเป็นต้องเน้นที่ฝั่งมนุษย์ แต่เมื่อผ่านองก์แรกไป หลังจากความขัดแย้งเกี่ยวกับเผ่าอินทรีถูกนำเสนอ ภาพยนตร์กลับไม่ให้ข้อมูลมากพอที่จะช่วยขยายความเรื่องราวของเพื่อนวานรทั้งสอง และพวกเขาค่อย ๆ หายไปจนโผล่มาอีกครั้งช่วงท้ายเรื่อง

ในกรณีของรากา ถือว่าพอเข้าใจได้ว่าเขาเป็นแฟนพันธุ์แท้ของซีซาร์ เพื่อเชื่อมโยงภาคนี้กับไตรภาคก่อนหน้านี้ แต่เม ผู้ซึ่งเป็นมนุษย์ที่จู่ ๆ ก็สามารถพูดได้ และยิ่งได้รับบทบาทสำคัญมากขึ้นเมื่อเรื่องดำเนินไป กลายเป็นกุญแจหลักที่เชื่อมโยงเวอร์ชันใหม่นี้กับภาคแรกที่ฉายในปี 1968 อย่างไรก็ตาม ในช่วงครึ่งแรกของเรื่อง เธอกลับถูกนำเสนอแบบตัวประกอบ จนกระทั่งในครึ่งหลังที่บทของเธอกลายเป็นตัวนำเรื่อง ส่งผลให้ตัวละครหลักอย่างโนอาซึ่งควรได้รับความสำคัญ กลับถูกบดบังและไม่โดดเด่นอย่างที่ควรจะเป็น

ปัญหาหลักของหนังนี้วนเวียนอยู่กับความขัดแย้งระหว่างวานร โดยเฉพาะกลุ่มของพร็อกซิมัส ผู้เป็นตัวร้ายหลักของเรื่อง กับโนอา พระเอก แต่ทั้งสองตัวละครกลับขาดพัฒนาการ ในกรณีของพร็อกซิมัส การเป็นตัวร้ายที่ดุดันและไร้มิติยังพอเข้าใจได้ แต่โนอา ซึ่งหนังควรจะสร้างพื้นหลังครอบครัวและบทบาทของเขาในฐานะผู้นำเผ่า พร้อมทั้งวางรากฐานให้เป็นตัวละครหลักของแฟรนไชส์ต่อจากซีซาร์ กลับไม่ถูกขยายความให้ชัดเจน แม้แต่พิธีเชื่อมสัมพันธ์ที่โนอาต้องไปเก็บไข่นกมาอย่างยากลำบากในตอนต้นก็ถูกละทิ้งไปหลังจากเผ่าอินทรีถูกโจมตี เพื่อเน้นฉากแอ็กชันและวิชวลเอฟเฟกต์ที่หวังดึงดูดผู้ชมยุคใหม่มากกว่าจะเน้นบทสนทนา แม้ว่าภาพยนตร์นี้จะมีบทพูดมากกว่า “Godzilla X Kong: The New Empire” ที่เพิ่งเข้าฉายก็ตาม

บทสรุปเนื้อหา อาณาจักรแห่งพิภพวานร

Kingdom of the Planet of the Apes

แม้ว่าหนังจะมีข้อบกพร่องด้านการพัฒนาตัวละครอยู่บ้าง แต่สิ่งหนึ่งที่ภาพยนตร์ชุด ‘พิภพวานร’ ยังคงรักษาไว้คือการสะท้อนความเป็นจริงของโลก ที่ความขัดแย้งใหม่ ๆ ยังคงเกิดขึ้นเสมอ หาก “Planet of the Apes” ในปี 1968 มุ่งสะท้อนความกังวลเกี่ยวกับสงครามเย็นที่มหาอำนาจข่มขู่กันด้วยอาวุธนิวเคลียร์ หรือ “Rise of the Planet of the Apes” ในปี 2011 ใช้การปฏิวัติอาหรับสปริงเพื่อสะท้อนถึงการปลดแอกของกลุ่มผู้ถูกกดขี่ ภาพยนตร์ “Kingdom of the Planet of the Apes” นี้ยังคงนำเสนอเรื่องราวด้วยการใช้ประเด็นความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์ เพื่อสะท้อนถึงการแย่งชิงอำนาจผ่านการบิดเบือนประวัติศาสตร์

ตัวร้ายอย่างพร็อกซิมัสใช้คำพูดของซีซาร์เพื่อปลุกระดมและสร้างสงครามที่ทำลายมนุษย์เพื่อขึ้นครองอำนาจ เหมือนการอ้างสิทธิ์บนพื้นฐานประวัติศาสตร์และความเชื่อที่เกิดขึ้นในโลกจริง และการเรียกตนเองว่าซีซาร์ก็เป็นการบิดเบือนเจตนารมณ์ของซีซาร์ดั้งเดิมที่เป็นผู้นำเสียสละ กลายเป็นการใช้ชื่อต่อท้ายเพื่อแสดงความบ้าอำนาจของตัวเอง

นอกจากนี้ หนังยังแฝงประเด็นเรื่อง “การสื่อสาร” เมปฏิเสธการพูดเพื่อปกป้องตัวเอง และเธอร่วมเดินทางกับโนอาและรากาเพื่อเป้าหมายทางอำนาจนี้เช่นกัน ในขณะเดียวกัน พร็อกซิมัสก็เข้าใจถึงพลังของการสื่อสารและนำเรื่องราวของซีซาร์มาบิดเบือนเพื่อใช้ในการทำลายมนุษย์ การที่โนอาต้องเรียนรู้การสื่อสารกับนกอินทรีอย่างพ่อของเขาก็เป็นอีกหนึ่งโครงเรื่องที่ทรงพลัง

ดูหนังออนไลน์ : ดูหนังออนไลน์
Recent review : อหังการ์ทีมปล้นประดาน้ำ Smugglers 2023